ชนิดของฟิล์มติดกระจกบ้าน และคำแนะนำในการติดฟิล์มกระจกบ้าน อาคาร คอนโด

9 ชนิดของฟิล์มติดกระจกบ้าน อาคาร คอนโด ที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

สารบัญเนื้อหา...

เวลาที่ทำการจ้างบริษัทรับติดฟิล์มกระจกบ้าน อาคาร จะดูเหมือนเป็นงานตกแต่งภายในที่ไม่ยุ่งยาก แต่ว่างานชนิดนี้มีความละเอียดอ่อน ทั้งในเรื่องของแสงแดด ตำแหน่งของกระจก ความเข้มของฟิล์มและการเลือกชนิดของฟิล์มติดกระจกบ้าน สำหรับคนที่กำลังวางแผนติดฟิล์มกระจกบ้านก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ เราจึงมี 9 ชนิดของฟิล์มติดกระจกบ้าน อาคาร คอนโด มาแนะนำ ครับ

ทำความรู้จักฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มกรองแสง คือ วัสดุที่ใช้ติดบนกระจก เพื่อลดแสงจ้า ลดความร้อน และป้องกันรังสีต่าง ๆ จากแสงอาทิตย์ ฟิล์มกรองแสงมีให้เลือกหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป โดยหลัก ๆ แล้วมีหลักการทำงานอยู่ 2 ประการ คือ

  1. การสะท้อนแสง (Reflection) ฟิล์มกรองแสงจะสะท้อนแสงบางส่วนกลับออกไป ทำให้แสงที่ผ่านเข้ามาภายในอาคารลดลง
  2. การดูดซับแสง (Absorption) ฟิล์มกรองแสงจะดูดซับแสงบางส่วนไว้ ทำให้แสงที่ผ่านเข้ามาภายในอาคารลดลง

ทั้งการสะท้อนแสงและการดูดซับแสงเป็น 2 ปรากฏการณ์ของแสงที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อตกกระทบกับวัตถุ หรือในที่นี้ก็คือฟิล์มติดกระจกบ้าน ซึ่งทั้ง 2 ปรากฏการณ์นี้ทำให้แสงไม่ผ่านเข้าไปภายในวัตถุ หรือก็คือไม่ทะลุผ่านฟิล์มกรองแสงเข้าไปภายในตัวบ้านนั่นเอง โดยการสะท้อนแสงจะเกิดขึ้นเมื่อแสงกระทบกับวัตถุ และเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ ส่วนการดูดซับแสงจะเกิดขึ้นเมื่อแสงกระทบกับวัตถุ แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานรูปแบบอื่น

การป้องกันแสงอาทิตย์กับรังสีต่าง ๆ ของฟิล์มกรองแสง

แสงอาทิตย์ประกอบด้วยรังสีต่าง ๆ มากมาย ซึ่งรังสีที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้อาศัยภายในบ้าน ได้แก่

  1. รังสียูวี (UV) สาเหตุของโรคมะเร็งผิวหนัง โรคต้อกระจก และริ้วรอยก่อนวัย ฟิล์มกรองแสงที่ดีควรมีความสามารถในการกรองรังสียูวีได้อย่างน้อย 99%
  2. รังสีอินฟราเรด (IR) เป็นรังสีที่ทำให้เกิดความร้อน ฟิล์มกรองแสงที่ดีควรมีความสามารถในการกรองรังสีอินฟราเรดได้อย่างน้อย 70%
  3. แสงจ้า (Glare) แสงจ้าจากภายนอกอาจทำให้ปวดตา แสบตา และลดประสิทธิภาพในการทำงานได้

ซึ่งฟิล์มกรองแสงที่ดีควรมีคุณสมบัติในการปกป้องรังสีเหล่านี้ได้

9 ชนิดของฟิล์มติดกระจกบ้าน อาคาร คอนโด

9 ชนิดของฟิล์มติดกระจกบ้าน อาคาร คอนโด

ฟิล์มติดกระจกบ้าน อาคาร และคอนโด เป็นฟิล์มกรองแสงที่ช่วยป้องกันแสงแดด และกันความร้อนให้กับตัวบ้านตัวอาคาร มีด้วยกันหลากหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติข้อดี ข้อด้อย และเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. ฟิล์มดำธรรมดา

ฟิล์มดำธรรมดา เป็นฟิล์มกรองแสงย้อมสีในเนื้อกาว ความเข้ม 40 %  60 %  80 % สามารถลดความร้อนภายในบ้านได้ดี ความเข้มของฟิล์มจะช่วยกรองแสงให้คนภายในสามารถมองออกภายนอกได้สบายตา คนภายนอกไม่สามารถมองเข้ามาภายในได้ เหมาะสำหรับความเป็นส่วนตัวและคนที่ต้องการประหยัดงบ เนื่องจากฟิล์มดำธรรมดาราคาถูกที่สุด

2. ฟิล์มใสกันร้อน

ฟิล์มใสกันร้อน คือฟิล์มติดกระจกบ้าน หรืออาคารที่มีคุณสมบัติในการกรองรังสีความร้อนเท่านั้น แต่ยังให้แสงสว่างผ่านเข้ามาได้ มีค่าแสงส่องผ่านประมาณ 70 % ทำให้แสงสว่างจากภายนอกสามารถทะลุผ่านกระจกเข้ามาได้ประมาณ 30 % อีกทั้งยังกันรังสีความร้อนจำพวกรังสียูวีและรังสีอินฟราเรดได้สูงสุดถึง 97 % เหมาะสำหรับการติดฟิล์มเพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดดภายนอก แต่มองวิวทิวทัศน์ด้านนอกอาคารได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ในปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

ตัวฟิล์มใสกันร้อนผลิตจากพลาสติกโพลีเอสเตอร์ (Polyester) เคลือบด้วยสารดูดซับรังสีความร้อน (Heat Absorbing Material) ซึ่งทำหน้าที่ในการดูดซับรังสีความร้อนจากแสงแดด ทำให้แสงผ่านเข้ามาภายในได้น้อยลง ด้วยเหตุนี้จึงช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้ดีมาก บ้านก็เย็นสบายขึ้น จึงประหยัดค่าไฟได้จากการที่ใช้เครื่องปรับอากาศน้อยลง นับเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดพลังงานด้วยการลดความร้อนจากแสงแดด แต่ไม่ต้องการให้ภายในห้องมืดลงมากจนเกินไป

3. ฟิล์มเซรามิค

ฟิล์มเซรามิค เป็นฟิล์มติดกระจกบ้านที่มองจากข้างนอกเข้ามาภายในจะไม่เห็น แต่คนด้านในสามารถมองออกไปด้านนอกได้ชัด กันความร้อนได้สูงแต่มีอัตราการสะท้อนแสงน้อย มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยทั่วไปฟิล์มเซรามิคจะมีอายุการใช้งานนาน 10-15 ปี เหมาะกับห้องชุดในคอนโดมิเนียมที่มีข้อจำกัดการติดฟิล์มที่อัตราการสะท้อนแสง

ตัวฟิล์มเซรามิคผลิตจากพลาสติกโพลีเอสเตอร์ (Polyester) เคลือบด้วยอนุภาคเซรามิค (Ceramic Particle) ขนาดเล็กในระดับนาโนแทน ซึ่งเจ้าอนุภาคนี้ล่ะที่ทำหน้าที่สะท้อนรังสีความร้อนจากแสงแดด ทำให้แสงผ่านเข้ามาภายในได้น้อยลง นี่ล่ะคือสาเหตุว่าทำไมจึงลดความร้อนจากแสงแดดได้ดีมาก แล้วมากถึง 99% เลยทีเดียว ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมบรรดาเจ้าของรถยนต์เขาจึงนิยมติดฟิล์มชนิดนี้กัน ก็เพราะช่วยให้รถที่ต้องขับอยู่กลางแดดประเทศไทยในทุก ๆ วันมันเย็นขึ้นได้ ดังนั้นกับที่อยู่อาศัยก็เช่นกัน ช่วยให้เย็นสบายขึ้นได้แน่นอน และอีก 1 เหตุผลที่ทำให้ฟิล์มเซรามิคได้รับความนิยมก็คือการที่ไม่รบกวนสัญญาณดิจิทัล อย่างถ้าเป็นกับรถก็พวกสัญญาณของอีซี่พาส ส่วนที่อยู่อาศัยก็อย่างสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ตรงนี้ก็หายห่วงเรื่องที่บ้านจะอับสัญญาณไปได้เลย

ฟังก์ชันแยะก็ต้องดูแลเขาเยอะหน่อย ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่ก็ไม่ได้ยาก แค่ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง และหากมีรอยขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ขอให้ไม่ละเลยในการแก้ไขเบื้องต้นด้วยตนเองโดยการใช้น้ำยาเคลือบฟิล์มกรองแสงมาช่วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง

4. ฟิล์มนิรภัย

ฟิล์มนิรภัย คือ ฟิล์มที่ผ่านขั้นตอนการผลิตเพื่อให้มีคุณสมบัติในการยึดติด เหนียวแน่นมากกว่าฟิล์มทั่วไป ช่วยป้องกันอันตรายโดยการยึดกระจกที่แตกออกไว้ด้วยกัน การติดตั้งฟิล์มนิรภัยที่กระจกบ้านจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความแข็งแรงในการลดแรงกระแทกจากวัตถุภายนอกได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ การระเบิด แผ่นดินไหว หรือจากพายุ

แม้วัสดุจะเป็นพลาสติกโพลีเอสเตอร์ (Polyester) เหมือนกันกับฟิล์มทั่วๆไปแต่มีส่วนเคลือบที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งฟิล์มตัวนี้จะใช้เป็นสารยึดติด (Adhesive) ที่มีความเหนียวแน่นสูง แถมยังเสริมด้วยโพลีเอสเตอร์เพิ่มมาอีกชั้นหนึ่งด้วย ทำให้ฟิล์มมีความสามารถในการยึดติดกับกระจกได้อย่างแน่นหนา ถึงได้สามารถรับแรงกระแทกหนัก ๆ ได้ดีนั่นเอง

และที่เกริ่นไปว่าช่วยป้องกันอันตรายโดยการยึดกระจกที่แตกออกไว้ด้วยกันนั้นคือเมื่อกระจกแตกตัวฟิล์มนิรภัยจะช่วยยึดเศษกระจกไว้ด้วยกันไม่ให้กระเด็นและกระจายซึ่งก็จะช่วยลดความอันตรายลงได้นี่ยังไม่นับว่าฟิล์มนิรภัยบางรุ่นสามารถป้องกันกระสุนปืนได้ในระดับหนึ่งด้วยนะจึงเหมาะสำหรับที่พักอาศัยหรืออาคารที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้กับกระจกไม่ว่าจะมีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุมีสัตว์เลี้ยงหรืออย่างพวกอาคารสูงกับประเภทที่อยู่ติดถนนและเพื่อให้ได้ความปลอดภัยสูงสุดก็ควรเลือกผู้ติดตั้งที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญในการติดฟิล์มนิรภัยจึงจะได้งานที่ดีมีคุณภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

5. ฟิล์มปรอท 

ฟิล์มปรอท คือ ฟิล์มติดกระจกบ้านที่มีคุณสมบัติไม่ดูดซับความร้อนเข้ามาในเนื้อฟิล์ม จึงสามารถป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99 % แต่การติดฟิล์มปรอทที่มีเนื้อฟิล์มกรองแสง มันวาว สะท้อนแสงสูง ทำให้มีข้อควรระวังในการเลือกติดฟิล์มอาคาร และคอนโดบางแห่งมีข้อกำหนดการติดฟิล์มอาคาร แสงสะท้อนจากฟิล์มต้องไม่มากกว่า 30 %  

แต่หากทำเลของใครไม่ได้อยู่ในข้อกำหนดนี้แล้วล่ะก็ การใช้ฟิล์มปรอทนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ทั้งช่วยลดความเข้มข้นของแสง ทำให้อุณหภูมิภายในลดลง ช่วยลดการใช้เครื่องปรับอากาศ จึงประหยัดค่าไฟได้ สามารถควบคุมระดับความสว่างของภายในได้อย่างลงตัว สร้างความเป็นส่วนตัว มองเห็นข้างนอกได้ แต่ถ้าข้างนอกอยากจะมองเข้ามาข้างในก็ยากหน่อย

แล้วก็ตามที่เกริ่นไปตอนต้นว่ามีความสามารถในการป้องกันรังสี UV ที่ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องผู้อยู่อาศัย แต่ยังรวมไปถึงเฟอนิเจอร์ภายในบริเวณอีกด้วย และที่สำคัญคือฟิล์มปรอทค่อนข้างจะทนทานต่อสภาพอากาศ จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายระดับนี้ต้องขอบอกเลยว่านี่คือฟิล์มที่คุ้มค่าอีกตัวหนึ่งเลย

6. ฟิล์มไล่แมลง

ฟิล์มไล่แมลง สามารถกันความร้อนและรังสียูวีได้ดี ลักษณะพิเศษของฟิล์มชนิดนี้ คือมีสีที่โดดเด่นและแตกต่างจากฟิล์มกรองแสงทั่วไป โดยมีสีเหลืองโปร่งแสง เมื่อติดตั้งฟิล์มไล่แมลง จะสะท้อนสายตาของแมลง ทำให้ตาของแมลงพร่ามัว ไม่เข้ามายุ่งกับกระจก สามารถไล่แมลงต่าง ๆ อย่างเช่นยุง แมลงวัน แมลงเม่า หรือปลวก ได้เป็นอย่างดี จึงช่วยลดปัญหาแมลงกัดต่อย แพร่เชื้อโรค และทำลายทรัพย์สิน

แต่หลาย ๆ คนก็อาจจะคิดว่าแค่แมลงทำไมจะต้องเสียเงินติดฟิล์มโดยเฉพาะเพื่อมาไล่ด้วย แต่อยากให้มองมุมที่ว่าปัญหาแมลงกัดต่อยอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างไข้เลือดออก หรือโรคมาลาเรียได้ การติดฟิล์มไล่แมลงจึงเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุ และช่วยให้ประหยัดค่ารักษาพยาบาลได้นั่นเอง

7. ฟิล์มแบล็คเอาท์

ฟิล์มแบล็คเอาท์ เป็นฟิล์มที่มีลักษณะสีทึบแสง 100 % โดยแสงจากภายนอกจะไม่สามารถเข้ามาภายในได้เลย เหมาะกับการติดกระจกห้องใช้งานที่ต้องการความมืดมาก ๆ อีกทั้งฟิล์มประเภทนี้ยังกันความร้อนได้ดีเยี่ยม เพราะผลิตจากวัสดุที่มีความทึบแสงสูง เช่น คาร์บอน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้แสงไม่สามารถผ่านเข้ามาได้เลย รวมทั้งยังมีประโยชน์ช่วยกันแดด กันร้อน กันยูวี กันมีคนเห็น

ซึ่งที่บอกว่าเหมาะกับการติดกระจกห้องใช้งานที่ต้องการความมืดมาก ๆ อย่างห้องนอนนี่ก็เหมาะ หรือจะเป็นห้องทำงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ก็ได้ ยิ่งพวกสตูดิโอถ่ายภาพที่ต้องมีการจัดแสงคุมแสงด้วยแล้ว ฟิล์มแบล็คเอาท์ยิ่งช่วยได้มากเลย

8. สติ๊กเกอร์ฝ้า 

สติ๊กเกอร์ฝ้า เป็นสติ๊กเกอร์ฝ้าติดกระจกมีลักษณะทึบแสง และเป็นแผ่นพลาสติก Polyvinylchloride หรือ PVC ที่มีความเหนียว คงทน ยืดหยุ่นได้ดี ใช้ตกแต่งภายในเป็นหลักเนื่องจากไม่ค่อยทนทานต่อแสงแดดมากนัก เหมาะกับการติดในห้องทำงาน ห้องน้ำ หรือติดกั้นระหว่างห้องเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวโดยที่ไม่ใช้งบประมาณที่สูงมากนัก ถึงได้ถูกเรียกว่าเป็นสติ๊กเกอร์ตกแต่งกระจก

ตัวสติ๊กเกอร์ฝ้ามีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ ติดด้วยกาวในตัว ช่วยลดความจ้าของแสงได้ แล้วยังเพิ่มความสวยงามให้กับกระจกได้ด้วย เพราะจริง ๆ แล้วสติ๊กเกอร์ฝ้ามีแบบที่เป็นสีด้วยนะ แบบที่มีลวดลายก็มี ให้สามารถเลือกได้ตามความต้องการและการใช้งานเลย

9. ฟิล์มประหยัดพลังงาน 

ฟิล์มประหยัดพลังงาน เป็นประเภทฟิล์มที่ได้รับการรับรองว่าช่วยประหยัดพลังงานได้จริง ตามมาตรฐานการทดสอบฟิล์มกรองแสงประเทศไทย โดยมาตรฐานจะใช้เกณฑ์ในการวัดค่าการส่งผ่านความร้อนจากแสงอาทิตย์ หรือ SHGC จะต้องมีค่าน้อยกว่า 0.45 จะได้มาตรฐานฟิล์มประหยัดพลังงานเบอร์ 5  มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ และแน่นอนว่าชื่อเต็ม ๆ ก็ต้องเป็น “ฟิล์มประหยัดพลังงานเบอร์ 5”

ซึ่งต้องได้การรับรองจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ด้วยว่ามีคุณสมบัติในการลดความร้อนจากแสงแดดได้ ซึ่งสามารถลดได้สูงสุดถึง 80% เมื่อเทียบกับฟิล์มทั่วไปเลยนะ นั่นก็เป็นเพราะการเคลือบสารลดความร้อนประสิทธิภาพสูงลงไปบนเนื้อฟิล์ม ทำให้ลดการใช้เครื่องปรับอากาศได้ จึงประหยัดพลังงานไฟฟ้าสมชื่อของเขานั่นเอง

ฟิล์มติดกระจกบ้านและอาคารมีกี่ชนิด เลือกยังไงให้เข้ากับบ้านเรา

ประเภทของฟิล์มกรองแสงติดอาคาร

ฟิล์มกรองแสงติดอาคารมีหลากหลายประเภท โดยมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป แต่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  1. ฟิล์มกรองแสงแบบทึบ เป็นฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติในการลดความร้อนจากแสงแดดได้ดี เหมาะสำหรับคอนโดที่ต้องการเน้นลดความร้อน
  2. ฟิล์มกรองแสงแบบสะท้อนแสง เป็นฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติในการสะท้อนแสงได้ดี เหมาะสำหรับคอนโดที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
  3. ฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิก เป็นฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติในการลดความร้อนจากแสงแดดได้ดี และป้องกันรังสียูวีได้สูง เหมาะสำหรับคอนโดที่ต้องการทั้งลดความร้อนจากแสงแดดและป้องกันรังสียูวีไปในตัว

ติดฟิล์มกระจกบ้าน ต้องเลือกอย่างไร

การติดฟิล์มกระจกบ้านเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ป้องกันรังสียูวี และเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้าน โดยฟิล์มติดกระจกบ้านมีหลายประเภทให้เลือกสรร แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป การเลือกฟิล์มติดกระจกบ้านที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญ เพราะหากเลือกฟิล์มที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลเสียต่อการใช้งานได้ ซึ่งในการเลือกฟิล์มติดกระจกบ้านควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  1. ความต้องการใช้งาน ต้องการลดแสงจ้า ลดความร้อน ป้องกันรังสียูวี หรือเพิ่มความปลอดภัยเป็นหลัก
  2. ทิศทางของบ้าน หากเป็นบ้านที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้จะรับแสงแดดมาก จึงควรเลือกฟิล์มติดกระจกบ้านที่มีความเข้มสูงในการกันความร้อน
  3. ระดับความเข้มของฟิล์มติดกระจกบ้าน ฟิล์มที่มีความเข้มสูงจะกันความร้อนได้ดี แต่จะทำให้บ้านดูทึบแสงมากขึ้น จึงควรเลือกระดับความเข้มให้เหมาะสมกับความต้องการ
  4. งบประมาณ ฟิล์มติดกระจกบ้านแต่ละประเภทมีราคาที่แตกต่างกันไป ควรเลือกให้เหมาะสมกับงบประมาณด้วย

แต่สำหรับบ้านแล้วแนะนำให้เลือกฟิล์มติดกระจกที่มีความเข้ม 60% ซึ่งเป็นระดับความเข้มที่เหมาะสม ช่วยให้บ้านเย็นสบายขึ้นแต่ไม่ทำให้ดูทึบแสงจนเกินไป นอกจากนี้ควรเลือกฟิล์มที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีได้อย่างน้อย 99% เพื่อปกป้องผิวและเฟอร์นิเจอร์จากแสงแดด

ฟิล์มกรองแสงติดกระจกบ้านที่ดี มีคุณภาพเป็นอย่างไร

  • ลดความร้อนจากแสงแดดได้สูง ฟิล์มกรองแสงติดกระจกบ้านที่ดีควรสามารถลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรดได้ถึง 99% เพราะรังสีอินฟราเรดเป็นรังสีความร้อนที่ทำให้เกิดความร้อนภายในบ้าน ซึ่งเมื่อติดตั้งฟิล์มกรองแสงแล้วจะช่วยป้องกันไม่ให้รังสีอินฟราเรดผ่านเข้ามาภายในบ้านได้ ทำให้ความร้อนภายในบ้านลดลง ส่งผลดีต่อการใช้เครื่องปรับอากาศ ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง ช่วยประหยัดค่าไฟได้
  • ป้องกันรังสียูวีได้สูง ฟิล์มกรองแสงติดกระจกบ้านที่ดีควรสามารถป้องกันรังสียูวีได้สูงถึง 99% เช่นกัน เพราะรังสียูวีเป็นรังสีจากดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังและดวงตา
  • มีความคงทน ฟิล์มกรองแสงติดกระจกบ้านที่ดีควรมีความทนทานต่อสภาพอากาศ แสงแดด และความร้อน ไม่หลุดลอกง่าย ไม่แตกร้าวง่าย
  • มีความปลอดภัย ฟิล์มกรองแสงติดกระจกบ้านที่ดีควรมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหากกระจกแตก
  • ควรได้การรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น มอก. หรือ ISO เป็นต้น

คำแนะนำในการติดฟิล์มกระจกบ้าน

  • ควรเลือกช่างติดตั้งฟิล์มกระจกบ้านที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญ เพื่อให้ได้งานติดตั้งที่มีคุณภาพและสวยงาม เพราะหากติดตั้งไม่ดีอาจทำให้ฟิล์มติดกระจกบ้านเกิดมีฟองอากาศหรือหลุดร่อนได้
  • ควรทำความสะอาดกระจกให้สะอาดปราศจากฝุ่นก่อนติดฟิล์ม เพื่อให้ฟิล์มติดแน่นและติดทนนาน
  • หลังการติดตั้งควรปฏิบัติตามคำแนะนำของช่างติดตั้งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การติดฟิล์มกระจกบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

ข้อควรระวัง

  • ควรเลือกร้านที่เชื่อถือได้ ช่างติดตั้งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เพราะการติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ฟิล์มหลุดลอก ฟิล์มแตกร้าว เป็นต้น
  • ตรวจสอบคุณภาพของฟิล์มกรองแสงติดกระจกบ้านก่อนการติดตั้ง เช่น ตรวจสอบความหนาของฟิล์ม คุณสมบัติของฟิล์ม และระยะเวลารับประกัน เป็นต้น

ฟิล์มกรองแสงติดกระจกบ้านที่ดี มีคุณภาพ จะช่วยให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ช่วยประหยัดค่าไฟ ช่วยป้องกันรังสียูวี ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน และช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกด้วย

หลักการเลือกซื้อเพื่อให้ได้ฟิล์มติดกระจกบ้านที่ดีมีคุณภาพ

โดยทั่วไปฟิล์มกรองแสงจะมีคุณสมบัติในการลดแสงจ้า ลดความร้อน และป้องกันรังสียูวีอยู่แล้ว โดยค่าต่าง ๆ เหล่านี้จะแสดงบนฉลากผลิตภัณฑ์ เช่น ค่า VLT (Visible Light Transmission) หมายถึงค่าที่แสดงเปอร์เซ็นต์ของแสงสว่างที่ส่องผ่านฟิล์ม ถ้าค่า VLT ต่ำ จะช่วยลดแสงจ้าได้ดี แต่อาจทำให้ห้องมืดลง, ค่า UVR (Ultraviolet Radiation) หมายถึงค่าที่แสดงเปอร์เซ็นต์ของการกรองรังสียูวี ค่า UVR ยิ่งสูง จะยิ่งช่วยลดการทำลายผิวและดวงตาจากรังสียูวีได้, ค่า IR (Infrared Radiation) หมายถึงค่าที่แสดงเปอร์เซ็นต์ของการกรองรังสีอินฟราเรด หากค่า IR สูง ก็จะช่วยลดความร้อนที่เข้าสู่อาคารได้มาก หรือวิธีง่าย ๆ เพียงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งฟิล์มกรองแสง เพื่อให้ได้ฟิล์มที่ตอบโจทย์การใช้งานและคุ้มค่ากับการลงทุนที่สุด

ติดฟิล์มคอนโด ต้องเลือกฟิล์มติดอาคารแบบไหนดี ?

คอนโดเป็นที่พักอาศัยที่มักได้รับแสงแดดโดยตรงจากภายนอก เนื่องจากตั้งอยู่ในอาคารสูง ทำให้ต้องเผชิญกับความร้อนจากแสงแดดเป็นเวลานาน การติดตั้งฟิล์มอาคารจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ป้องกันรังสียูวี และเพิ่มความเป็นส่วนตัว ซึ่งสำหรับคอนโดนั้นแนะนำให้เลือกเป็นฟิล์มกรองแสง เพราะเป็นฟิล์มที่ช่วยป้องกันแสงแดดได้ รวมไปถึงรังสียูวีและแสงจ้า ทำให้ห้องเย็นสบายขึ้น แล้วยังปกป้องเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ภายในจากแสงแดดได้อีก สามารถช่วยลดแสงสะท้อนจากกระจกด้วย

ปัจจัยในการเลือกฟิล์มกรองแสงติดอาคารสำหรับคอนโด

  1. ความต้องการใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น ลดความร้อนจากแสงแดด ป้องกันรังสียูวี เพิ่มความเป็นส่วนตัว เป็นต้น
  2. ทิศทางการรับแสง หากคอนโดตั้งอยู่ในทิศที่รับแสงแดดโดยตรง ควรเลือกฟิล์มกรองแสงติดอาคารความเข้มสูง เพื่อให้ลดความร้อนของคอนโดได้มากขึ้น
  3. มีงบประมาณในการติดฟิล์มกรองแสงอาคารเท่าไร

ข้อควรระวังในการติดฟิล์มกรองแสงอาคารสำหรับคอนโด

ก่อนการติดตั้งฟิล์มกรองแสงอาคาร ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ฟิล์มกรองแสงที่เหมาะสมกับการใช้งาน และติดตั้งได้อย่างถูกต้อง เพราะหากติดตั้งไม่ถูกต้องอาจเกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ฟิล์มหลุดลอก ฟิล์มแตกร้าว เป็นต้น

สรุป

การติดฟิล์มกระจกบ้าน จุดประสงค์หลักนอกจากการกรองแสง ป้องกันความร้อนให้กับตัวบ้าน และให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังเป็นงานตกแต่งภายในที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี การมีความรู้เกี่ยวกับฟิล์มติดกระจกบ้านแต่ละชนิด ช่วยให้การสื่อสารระหว่างเจ้าของบ้านและบริษัทหรือช่างผู้ให้บริการมีความเข้าใจตรงกันได้ง่าย และสิ่งสำคัญควรเลือกบริษัทรับติดตั้งฟิล์มที่ได้มาตรฐาน เป็นบริษัทจดเบีบนถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด