“ติดฟิล์มกรองแสงบ้าน ตารางฟุตละเท่าไหร่?” นี่คือคำถามที่ทีมงาน SB Sticker ได้ยินบ่อยที่สุด แต่การจะให้คำตอบเป็นตัวเลขเดียวเลยนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะราคาการติดตั้งฟิล์มขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา เพื่อให้คุณสามารถประเมินงบประมาณเบื้องต้นได้ และเข้าใจว่าทำไมการลงทุนในฟิล์มคุณภาพสูงจึงคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา
1. ชนิดและเกรดของฟิล์ม (ปัจจัยที่สำคัญที่สุด)
![1._ชนิดและเกรดของฟิล์ม[1]](https://thaifilmsb.com/wp-content/uploads/2025/09/1._ชนิดและเกรดของฟิล์ม1-1400x764.webp)
คุณภาพและเทคโนโลยีของเนื้อฟิล์มคือตัวแปรหลักที่กำหนดราคา ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับหลักๆ
- ฟิล์มกรองแสงทั่วไป: เป็นฟิล์มพื้นฐานที่เน้นการลดแสงจ้าและให้ความเป็นส่วนตัว กันความร้อนได้ในระดับหนึ่ง ราคาเข้าถึงง่ายที่สุด
- ฟิล์มปรอท (Sputtering Film): มีประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูง ให้ความเป็นส่วนตัวได้ดีเยี่ยมในตอนกลางวัน แต่ก็อาจสะท้อนแสงมากและรบกวนสัญญาณดิจิทัลได้บ้าง
- ฟิล์มเซรามิค (Ceramic Film): เป็นฟิล์มเกรดพรีเมียม กันความร้อนได้ดีที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องมีสีเข้ม ไม่สะท้อนแสงรบกวนสายตา และไม่รบกวนสัญญาณดิจิทัล (Easy Pass, 5G) จึงมีราคาสูงที่สุด แต่ก็ให้ประสิทธิภาพและความทนทานสูงสุดเช่นกัน
2. ขนาดพื้นที่ทั้งหมด (ตารางฟุต)
แน่นอนว่ายิ่งพื้นที่กระจกที่ต้องการติดตั้งมีขนาดใหญ่ ราคารวมก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ช่างจะทำการวัดขนาดกระจกทุกบานเป็น “ตารางฟุต” แล้วนำมารวมกันเพื่อคำนวณราคา แต่บริษัทส่วนใหญ่มักมี “ราคาเหมา” หรือ “ส่วนลด” สำหรับการติดตั้งพื้นที่ขนาดใหญ่
3. ความยากง่ายของหน้างาน
![3._ความยากง่ายของหน้างาน[1]](https://thaifilmsb.com/wp-content/uploads/2025/09/3._ความยากง่ายของหน้างาน1-1400x764.webp)
ปัจจัยนี้คือสิ่งที่หลายคนอาจลืมคิดไป แต่ส่งผลต่อค่าแรงในการติดตั้งโดยตรง
- ความสูง: หน้าต่างที่อยู่สูงและต้องใช้นั่งร้านในการติดตั้ง จะมีค่าแรงสูงกว่าหน้าต่างที่ยืนทำได้ปกติ
- การลอกฟิล์มเก่า: หากกระจกเดิมมีฟิล์มเก่าติดอยู่ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการลอกฟิล์มและทำความสะอาดคราบกาวเก่าออกทั้งหมด
- อุปสรรคหน้างาน: เช่น มีเฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อินขวาง หรือเป็นกระจกบานเล็กๆ จำนวนมาก ซึ่งต้องใช้เวลาและความประณีตในการทำงานสูงกว่า
ตารางเปรียบเทียบราคาประเมินเบื้องต้น
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ทีมงาน SB Sticker ได้จัดทำตารางราคาประเมินต่อตารางฟุตโดยประมาณ (ราคานี้เป็นเพียงการประเมิน อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น)
| ชนิดของฟิล์ม | ราคาประเมินต่อตารางฟุต | เหมาะสำหรับ |
| ฟิล์มกรองแสงทั่วไป | 60 – 120 บาท | งบประมาณจำกัด, ลดแสงจ้า |
| ฟิล์มปรอท | 120 – 250 บาท | กันร้อนสูง, ต้องการความเป็นส่วนตัว |
| ฟิล์มเซรามิค | 250 – 500+ บาท | ประสิทธิภาพสูงสุด, ไม่รบกวนสัญญาณ |
***ราคาอาจมีการปรับเปลี่ยน ควรตรวจสอบหรือทักมาสอบที่ทางร้านก่อนครับ
ไม่ใช่แค่ “ราคา” แต่คือ “ความคุ้มค่า” ในระยะยาว

การเลือกฟิล์มกรองแสงไม่ควรดูแค่ราคาเริ่มต้นที่ถูกที่สุด แต่ควรมองเป็นการ “ลงทุน”
ฟิล์มคุณภาพสูงอาจมีราคาสูงกว่า แต่สามารถลดความร้อนได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ซึ่งหมายถึงการ ประหยัดค่าไฟ จากการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่น้อยลงในทุกๆ เดือน เมื่อคำนวณจุดคุ้มทุนแล้ว การลงทุนในฟิล์มที่ดีกว่ามักจะ คืนทุนได้ภายใน 3-5 ปี และให้ความสบายไปอีกนานนับสิบปี
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับราคาฟิล์มกรองแสง
Q: ทำไมบางบริษัทถึงมีขั้นต่ำในการติดตั้ง?
A: เนื่องจากมีต้นทุนในการเดินทางและเตรียมอุปกรณ์ของทีมช่าง บริษัทส่วนใหญ่จึงมีค่าบริการขั้นต่ำเพื่อให้คุ้มค่ากับการออกให้บริการแต่ละครั้งครับ
Q: ค่าลอกฟิล์มเก่าคิดราคาอย่างไร?
A: โดยทั่วไปจะคิดราคาเป็นต่อตารางฟุตเช่นกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพความยากง่ายในการลอกฟิล์มเก่าและทำความสะอาดคราบกาวครับ
Q: ฟิล์มนำเข้าจากอเมริกาแพงกว่า แต่ดีกว่าจริงไหม?
A: จริงครับ ฟิล์มที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกามักจะมีเทคโนโลยีการผลิตที่สูงกว่า มีความทนทานของสีและประสิทธิภาพการกันความร้อนที่ดีกว่าอย่างชัดเจน พร้อมการรับประกันที่ยาวนานกว่า ซึ่งทีมงาน SB Sticker เลือกใช้แต่ฟิล์มคุณภาพสูงเท่านั้น
อยากรู้ราคาที่แม่นยำสำหรับบ้านคุณ? ปรึกษาเราฟรี!
วิธีที่ดีที่สุดในการทราบราคาที่แน่นอน คือการให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปประเมินหน้างานจริงและแนะนำฟิล์มที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ
ทีมงาน SB Sticker ยินดีให้บริการวัดพื้นที่และประเมินราคาฟรี! เราพร้อมนำตัวอย่างฟิล์มไปให้คุณเลือกและทดสอบแสงจริงถึงที่ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะได้รับการบริการที่โปร่งใสและคุ้มค่าที่สุด ติดต่อเราได้เลยวันนี้