หลาย ๆ คน อาจกำลังมีแพลนที่จะทำการติดตั้งฟิล์มกรองแสงบ้านหรืออาคารกันอยู่เป็นแน่ เพราะมันก็เป็นเรื่องดีในการติดตั้งที่การเลือกใช้เป็นฟิล์มกรองแสงนั้นจะช่วยให้สามารถป้องกันรังสี UV ไม่ให้เข้ามาสู่ตัวบ้านได้ ซึ่งก็ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการอยู่อาศัยของคุณได้เป็นอย่างดีไปในตัว แต่ก่อนที่จะทำการสั่งซื้อและติดตั้งนั้นก็มีอีกหลายเรื่องที่คุณควรจะทำความเข้าใจและเรียนรู้ก่อนว่าการติดฟิล์มกรองแสงบ้านให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด จะมีอะไรบ้างมาดูไปพร้อม ๆ กันได้เลย
ฟิล์มกรองแสง คืออะไร
ฟิล์มกรองแสง คือ แผ่นพลาสติกใสบาง ๆ ที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์ (Polyester) เคลือบด้วยสารต่าง ๆ เพื่อกรองแสงแดด มีหลายสี หลายเฉดความเข้ม และหลายคุณสมบัติ มีความเหนียว ใส ทนทาน ยืดหยุ่น แต่คงรูปได้ดี และทนต่อความร้อนสูงมาก โดยฟิล์มกรองแสงจะยึดติดกับกระจกด้วยกาวที่มีความใส ทำให้ยังสามารถมองเห็นผ่านกระจกได้โดยไม่บิดเบือนมุมมองใด ๆ
การผลิตฟิล์มกรองแสงมีกี่ประเภท?
การผลิตฟิล์มกรองแสงมี 4 ประเภทหลัก ดังนี้
1. ฟิล์มย้อมสีโดยการฉาบสี (Color Coating Film)
ฟิล์มประเภทนี้ผลิตโดยการฉาบสีลงบนแผ่นฟิล์มพลาสติก สีที่ใช้จะดูดซับความร้อนและแสงจ้า มีราคาถูก มีอายุการใช้งานสั้น และสีอาจซีดจางลงเมื่อเวลาผ่านไป
2. ฟิล์มย้อมสีโดยการฝังสีด้วยไอร้อน (Deep Dyeing Film)
ฟิล์มประเภทนี้ผลิตโดยการฝังสีลงบนแผ่นฟิล์มพลาสติกด้วยความร้อน สีจะแทรกซึมเข้าไปในเนื้อฟิล์ม ทำให้ฟิล์มมีสีสันสดใส ทนทาน และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าฟิล์มย้อมสีแบบฉาบ
3. ฟิล์มเคลือบสารด้วยไอร้อน (Thermal Evaporation Film)
ฟิล์มประเภทนี้ผลิตโดยการเคลือบสารโลหะ เช่น อลูมิเนียม ด้วยความร้อนสูง โลหะจะสะท้อนความร้อนและแสงจ้า ทำให้ฟิล์มประเภทนี้มีประสิทธิภาพในการกันความร้อนได้สูง และมีราคาที่สูงเช่นกัน แต่จะสะท้อนแสงจ้าได้ดี และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่อาจทำให้ทัศนวิสัยภายในบ้านและอาคารมืดลง อีกทั้งยังรบกวนสัญญาณดิจิทัลต่าง ๆ ด้วย
4. ฟิล์มเคลือบอนุภาคนาโน (Magnetron Sputtering Coating)
เป็นการใช้เทคโนโลยีการ Sputtering หรือเทคนิคการเคลือบฟิล์มโดยใช้หลักการยิงพลังงาน (ไอออนหรืออะตอม) ฟิล์มประเภทนี้มีราคาสูงที่สุด มีอายุการใช้งานยาวนาน กันความร้อนได้ดีเยี่ยม สะท้อนแสงจ้าได้ดี ทัศนวิสัยภายในสว่างชัดเจน มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน แต่มีความเป็นส่วนตัว เพราะจะไม่สามารถมองจากภายนอกเข้ามาได้
ฟิล์มกรองแสงแต่ละประเภทมีกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อคุณสมบัติ ประสิทธิภาพ ราคา และอายุการใช้งาน ผู้ใช้ควรเลือกฟิล์มกรองแสงให้เหมาะสมกับการใช้งาน งบประมาณ และความต้องการ
ฟิล์มกรองแสงมีหน้าที่หลัก ๆ ดังนี้
- ลดความร้อนจากแสงแดด: ฟิล์มกรองแสงจะดูดซับหรือสะท้อนแสงแดด ทำให้ภายในอาคารไม่ร้อนอบอ้าว
- ป้องกันรังสี UV: ฟิล์มกรองแสงสามารถป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99% ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนัง และถนอมเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านและอาคาร
- เพิ่มความปลอดภัย: ฟิล์มกรองแสงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านและอาคาร โดยช่วยให้กระจกแตกยากขึ้น
- เพิ่มความเป็นส่วนตัว: ฟิล์มกรองแสงบางประเภทช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับบ้านและอาคาร โดยคนภายนอกจะมองเข้ามาไม่เห็นภายใน
ประเภทของฟิล์มกรองแสง
- ฟิล์มกรองแสงแบบใส: ฟิล์มใสจะดูดซับหรือสะท้อนแสงแดด แต่ยังคงสามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้ชัดเจน
- ฟิล์มกรองแสงแบบปรอท: ฟิล์มปรอทจะสะท้อนแสงแดด ทำให้ภายในบ้านและอาคารไม่ร้อนอบอ้าว แต่จะมองเห็นวิวด้านนอกได้ไม่ชัดเจน และรบกวนสัญญาณดิจิทัล
- ฟิล์มกรองแสงแบบย้อมสีดำ: ฟิล์มดำจะดูดซับแสงแดด ทำให้ภายในบ้านและอาคารไม่ร้อนอบอ้าว แต่จะมองเห็นวิวด้านนอกได้ไม่ชัดเจน ถือเป็นฟิล์มกรองแสงรุ่นแรก ๆ ราคาถูก แต่มีอายุการใช้งานสั้น สีซีดจางเร็ว
- ฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิก: ฟิล์มเซรามิกเป็นฟิล์มกรองแสงรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ทนทาน สวยงาม กันความร้อนได้ดี ป้องกันรังสี UV ได้สูง และไม่รบกวนสัญญาณดิจิทัลต่าง ๆ เหมาะทั้งกับบ้าน อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ไปจนถึงรถยนต์
การเลือกฟิล์มกรองแสง
- งบประมาณ: ฟิล์มกรองแสงมีหลายราคา ควรเลือกให้เหมาะสมกับงบประมาณ
- ความต้องการ: ควรพิจารณาความต้องการใช้งาน เช่น ต้องการลดความร้อน ป้องกันรังสี UV รักษาความเป็นส่วนตัว หรือเพิ่มความสวยงาม
- ประเภทของฟิล์ม: ฟิล์มกรองแสงมีหลายประเภท ควรเลือกประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งาน
- บริษัทติดตั้ง: ควรเลือกบริษัทติดตั้งที่มีความน่าเชื่อถือและมีช่างมืออาชีพ
การดูแลรักษาฟิล์มกรองแสง
- ทำความสะอาด: ฟิล์มกรองแสงสามารถทำความสะอาดได้ง่าย เพียงใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ด
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี: ไม่ควรใช้สารเคมี เช่น น้ำยาทำความสะอาดกระจก น้ำยาล้างจาน ในการทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง
- หลีกเลี่ยงการขีดข่วน: ควรระวังไม่ให้ฟิล์มกรองแสงเกิดรอยขีดข่วน
ฟิล์มกรองแสงเป็นวัสดุที่มีประโยชน์ ช่วยลดความร้อน ป้องกันรังสี UV ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว และเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านและอาคาร ควรเลือกฟิล์มกรองแสงให้เหมาะสมกับความต้องการ และดูแลรักษาอย่างถูกต้อง
ก่อนซื้อฟิล์มกรองแสงบ้านและอาคาร ต้องรู้อะไรบ้าง
การติดฟิล์มกรองแสงบ้านและอาคาร นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยปกป้องบ้านของคุณจากรังสี UV ที่เป็นอันตรายทั้งต่อตัวคุณและคนในบ้านได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถยืดอายุการใช้งานของกระจกบ้านของคุณไม่ว่าจะเป็นประตูหรือหน้าต่างได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยการที่จะทำให้คุณได้รับความคุ้มค่าในการสั่งซื้อและติดตั้งมากที่สุดก็มีดังนี้
1.ควรรู้จักกับฟิล์มกรองแสงแต่ละประเภทเอาไว้ก่อน
ฟิล์มกรองแสงติดบ้าน มีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภท ได้แก่ ฟิล์มปรอท, ฟิล์มดำ, ฟิล์มเซรามิก และฟิล์มใส ซึ่งทั้ง 4 แบบนี้ก็จะมีความแตกต่างกันออกไป
2.ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเข้มของฟิล์มทั้ง 40/60/และ80
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเข้มของฟิล์มจะทำให้คุณสามารถเลือกติดตั้งในแต่ละบริเวณที่ต้องการได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นก็จำเป็นที่จะต้องดูทิศทางของแสงร่วมด้วย โดยการใช้เกณฑ์ความเข้มของฟิล์มที่ 40/6080
3.เลือกยี่ห้อหรือแบรนด์ที่ได้รับมาตรฐาน
การเลือกฟิล์มกรองแสงจากแบรนด์ที่ดีและได้มาตรฐานจะช่วยเพิ่มอายุการใช้งานที่ดีมากยิ่งขึ้น
4.เลือกใช้การติดตั้งจากบริษัทที่บริการดีและมีความน่าเชื่อถือ
เลือกใช้บริการจากบริษัทรับติดตั้งฟิล์มกรองแสงบ้าน อาคาร ที่มาพร้อมกับการรีวิวดี ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่าเราจะไม่ผิดหวังต่อการติดฟิล์มในครั้งนี้
5.ศึกษาวิธีการดูแลรักษาฟิล์มหลังติดให้ดี
การศึกษาเรื่องของวิธีการดูแลฟิล์มหลังติดเสร็จนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ฟิล์มที่ได้ทำการติดตั้งนั้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนานได้ดีมากยิ่งขึ้น หากมีวิธีการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี แต่หากมีวิธีการดูแลรักษาที่ผิดวิธีก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายที่จะส่งผลต่ออายุการใช้งานของฟิล์มไปได้อีกเช่นเดียวกัน
ประโยชน์ของฟิล์มกรองแสง
ท่ามกลางสภาพอากาศที่อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ที่มีแสงแดดเป็นศัตรูตัวร้ายตัวการสร้างความร้อนอบอ้าว รังสียูวีอันตราย และแสงจ้าที่รบกวนสายตา ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อทั้งการอยู่อาศัยและการทำงาน ฟิล์มกรองแสงจึงเป็นนวัตกรรมที่เปรียบเสมือนการ์ดสุดขยัน ทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อปกป้องอาคารบ้านเรือน และกลายเป็นตัวเลือกสำคัญที่ช่วยจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฟิล์มกรองแสง การ์ดสุดขยันที่มอบความสบายใจให้ทุกทีที่อยู่บ้าน
- คลายร้อน เย็นสบาย ทำหน้าที่ดักจับความร้อนจากแสงแดด ช่วยให้ภายในบ้านและอาคารเย็นสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศมากนัก ส่งผลดีต่อสุขภาพ และประหยัดค่าไฟ
- ป้องกันรังสียูวีได้ถึง 99% ช่วยปกป้องผิวหนังและเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านและอาคารจากรังสียูวีอันตราย ชะลอริ้วรอย และยืดอายุการใช้งานของใช้ต่าง ๆ ได้
- ลดแสงจ้า ถนอมสายตา ฟิล์มกรองแสงช่วยลดแสงจ้าจากแสงแดด ช่วยให้มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องหรี่ตา ป้องกันอาการตาพร่ามัว ลดความเมื่อยล้า และช่วยถนอมสายตา
- เพิ่มความเป็นส่วนตัว ด้วยฟิล์มกรองแสงบางประเภทที่จะช่วยให้คนจากภายนอกมองเข้ามาข้างในได้ยาก แต่คนข้างในยังสามารถมองออกมาข้างนอกได้ เหมาะสำหรับบ้าน อาคารสำนักงาน และสถานที่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
- เพิ่มความปลอดภัย โดยฟิล์มกรองแสงประเภทฟิล์มนิรภัยจะช่วยยึดกระจกไว้ไม่ให้แตกกระจายเป็นชิ้นเล็ก ๆ เมื่อกระจกแตก ช่วยป้องกันอันตรายจากเศษกระจกได้
- เพิ่มความสวยงาม มีให้เลือกหลายสีและลวดลาย ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับอาคารบ้านเรือนได้
- ราคาไม่แพง หรือถ้าจะให้ถูกคงต้องบอกว่าฟิล์มกรองแสงมีราคาที่ไม่ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับ
ประโยชน์มากมายขนาดนี้ก็คู่ควรแล้วที่จะยกให้ฟิล์มกรองแสงเป็นเสมือนการ์ดผู้พิทักษ์ หรือผู้ช่วยที่จะมอบความเย็นสบาย ปลอดภัย สวยงาม และช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า ซึ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับติดตั้งในอาคารบ้านเรือน สำนักงาน ร้านค้า และสถานที่อื่น ๆ ด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องที่ควรรู้ก่อนทำการติดตั้งฟิล์มกรองแสงบ้าน ที่บอกได้เลยว่าหากคุณได้ทำการศึกษาเรื่องของรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้เอาไว้ก่อนล่วงหน้า จะทำให้การติดฟิล์มกรองแสงบ้านของคุณนั้นเกิดความราบรื่นและก่อให้เกิดความคุ้มค่าไปในตัว เพราะฉะนั้นใครที่กำลังวางแพลนว่าจะมีการติดตั้งฟิล์มกรองแสงบ้านแบบนี้ ก็ลองดูลิสต์เหล่านี้ที่เรานำมาแนะนำเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับคุณในการติดฟิล์มกรองแสงบ้านเหล่านี้กันไว้ได้เลย