ฟิล์มกรองแสงเป็นหนึ่งในไอเทมสำคัญสำหรับบ้านในยุคปัจจุบัน เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ทำให้บ้านเย็นสบายขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันรังสียูวี (UV) ที่เป็นอันตรายต่อผิวและเป็นสาเหตุให้เฟอร์นิเจอร์ราคาแพงซีดจางอีกด้วย
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฟิล์มกรองแสงก็มีวันเสื่อมสภาพ การทราบสัญญาณเตือนจะช่วยให้คุณเปลี่ยนฟิล์มได้ทันท่วงที เพื่อให้บ้านของคุณได้รับการปกป้องอย่างเต็มประสิทธิภาพดังเดิม
ลองมาตรวจสอบกันว่าฟิล์มกรองแสงที่บ้านของคุณกำลังส่งสัญญาณเหล่านี้อยู่หรือไม่
5 สัญญาณเตือน ฟิล์มกรองแสงที่บ้านถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว
1. ฟิล์มพองเป็นฟองอากาศ หรือลอกร่อน (Bubbling or Peeling)

นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดและสังเกตเห็นได้ง่ายที่สุด หากคุณเริ่มเห็นฟิล์มกรองแสงบนกระจกไม่เรียบเนียน มีลักษณะพองเป็นจุดๆ เหมือนฟองอากาศ หรือขอบฟิล์มเริ่มเผยอออกมา นั่นเป็นสัญญาณว่ากาวของฟิล์มเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว ซึ่งไม่เพียงแต่จะดูไม่สวยงาม แต่ยังลดทอนประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนและรังสียูวีอีกด้วย
2. ฟิล์มเปลี่ยนสี (Discoloration)

ฟิล์มกรองแสงคุณภาพต่ำหรือฟิล์มที่ใช้งานมานานจนเสื่อมสภาพ มักจะเปลี่ยนสีไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเปลี่ยนเป็นสีม่วง สีเหลือง หรือสีน้ำตาล ฟิล์มที่เปลี่ยนสีคือสัญญาณว่าชั้นสีในเนื้อฟิล์มกำลังสลายตัว ซึ่งหมายความว่าประสิทธิภาพในการกรองแสงและลดความร้อนได้ลดลงไปมากแล้ว
3. รู้สึกว่าบ้านร้อนกว่าปกติ (Increased Heat)

วัตถุประสงค์หลักของการติดฟิล์มกรองแสงคือเพื่อลดความร้อน หากคุณเริ่มรู้สึกว่าห้องหรือบริเวณที่เคยติดฟิล์มนั้นร้อนขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน ทั้งที่ก็เปิดเครื่องปรับอากาศเท่าเดิม นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณสมบัติในการป้องกันรังสีอินฟราเรด (ที่มากับความร้อน) ของฟิล์มได้เสื่อมลงแล้ว ฟิล์มกรองแสงคุณภาพดีสามารถช่วยให้บ้านเย็นลงได้ 2-6 องศาเซลเซียส การเปลี่ยนฟิล์มใหม่จะช่วยให้บ้านกลับมาเย็นสบายและช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกครั้ง
4. เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเริ่มซีดจาง (Fading Furnishings)

หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของฟิล์มกรองแสงคือการป้องกันรังสียูวีได้สูง ซึ่งเป็นตัวการหลักที่ทำให้ผ้าม่าน พื้นไม้ โซฟา และของตกแต่งต่างๆ ในบ้านซีดจางและเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร หากคุณสังเกตเห็นว่าสีของเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ใกล้หน้าต่างเริ่มซีดลง นั่นเป็นข้อบ่งชี้ว่าฟิล์มของคุณไม่สามารถป้องกันรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไปแล้ว
5. เกิดรอยขีดข่วนหรือความเสียหาย (Scratches or Damage)
รอยขีดข่วนลึกๆ หรือการฉีกขาดบนแผ่นฟิล์มที่เกิดจากการใช้งานหรือการทำความสะอาดผิดวิธี อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมได้ แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ แต่ก็ทำให้คุณสมบัติการป้องกันของฟิล์มบริเวณนั้นหายไปและยังทำให้ทัศนวิสัยในการมองผ่านกระจกไม่ชัดเจนเหมือนเดิม
เปลี่ยนฟิล์มใหม่ เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า?

เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนฟิล์มใหม่ การลงทุนกับฟิล์มคุณภาพดีจะให้ความคุ้มค่าในระยะยาว ปัจจุบันมีเทคโนโลยีฟิล์มกรองแสงให้เลือกหลากหลาย เช่น ฟิล์มนาโนเซรามิก (Nano Ceramic) ที่ป้องกันความร้อนได้ดีโดยไม่รบกวนสัญญาณดิจิทัล หรือฟิล์มประเภทอื่นๆ ที่มีระดับการป้องกันความร้อนและรังสียูวีแตกต่างกันไป
การเลือกใช้บริการจากช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และใช้ฟิล์มคุณภาพที่นำเข้าจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถืออย่างสหรัฐอเมริกา ก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการติดตั้งที่ดียังมักมีการรับประกันผลงานยาวนานถึง 7-10 ปี ซึ่งเป็นการการันตีคุณภาพของทั้งตัวฟิล์มและงานติดตั้งได้เป็นอย่างดี
หากพบสัญญาณเตือนข้อใดข้อหนึ่ง อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและติดตั้งฟิล์มกรองแสงใหม่ เพื่อคืนความสวยงาม ความเย็นสบาย และการปกป้องให้กับบ้านของคุณอีกครั้ง