เชื่อว่างานตกแต่งภายในที่หลาย ๆ คนหนักใจ ก็คงเป็นการติดฟิล์มกับบริษัทรับติดฟิล์มกระจกบ้าน อาคาร คอนโด หรือห้องชุดในคอนโดมิเนียมที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีทั้งการเลือกชนิดของฟิล์ม การเลือกบริษัทติดฟิล์มกระจก รวมไปถึงการจัดเตรียมงบประมาณที่เหมาะสม ใครที่กำลังมีปัญหาเหล่านี้หมดความกังวลใจได้ครับ เพราะเรามี 5 ข้อควรรู้ ก่อนจ้างบริษัทติดฟิล์มกระจกบ้าน อาคารและคอนโดมาแนะนำ
ข้อควรรู้ ก่อนจ้างบริษัทติดฟิล์มกระจกบ้าน อาคาร คอนโด
ติดฟิล์มกระจกบ้าน อาคาร หรือคอนโด เป็นงานตกแต่งภายในที่แตกต่างจากงานตกแต่งทั่วไป เพราะนอกจากต้องว่าจ้างบริษัทรับติดตั้ง หรือผู้มีความรู้ด้านการติดตั้งฟิล์มกระจกโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการติดตั้งตอบโจทย์การใช้งานแล้ว ยังขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยที่เจ้าของบ้าน เจ้าของอาคาร ควรรู้ ดังนี้
1. ฟิล์มติดกระจกอาคาร กระจกรถยนต์ เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
เมื่อพูดถึงฟิล์มติดกระจก คนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับฟิล์มติดกระจกรถยนต์มากกว่าติดอาคาร เพื่อทำความเข้าใจและเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม ฟิล์มติดกระจกทั้ง 2 ประเภท มีความเหมือนและแตกต่างกัน ดังนี้
- ฟิล์มติดรถยนต์ สามารถติดได้ทั้งกระจกรถยนต์ และติดกระจกบ้าน อาคาร หรือคอนโด
- ฟิล์มอาคาร จะไม่สามารถติดรถยนต์ได้ เนื่องจากถูกออกแบบมาให้เหมาะกับกระจกบ้าน อาคารที่ไม่มีส่วนโค้งมน และกาวของฟิล์มอาคารจะเหนียวกว่า
- ฟิล์มติดกระจกอาคารบางรุ่น มีคุณสมบัติสะท้อนแสงได้มากกว่าฟิล์มรถยนต์ ทำให้กันความร้อนได้ดีกว่า
2. จุดประสงค์การใช้งานและตำแหน่งที่ติดกระจก
การติดฟิล์มกระจกบ้าน อาคารหรือคอนโด ก่อนติดต่อว่าจ้างบริษัทติดฟิล์มกระจก ต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานและตำแหน่งของห้องที่ต้องการติดกระจก เพราะแต่ละตำแหน่งต้องการแสงสว่าง และคุณสมบัติของฟิล์มแตกต่างกัน เช่น
- ห้องทำงาน ห้องนอน หรือตำแหน่งของห้องทางทิศตะวันตกควรเลือกฟิล์มที่ช่วยลดแสงและมีค่ากันความร้อนสูง
- หรือการติดฟิล์มคอนโด มักมีข้อกำหนดเรื่องฟิล์มกรองแสง เช่น ความเข้ม การสะท้อนแสง ควรมีข้อมูลที่สอบถามกับทางนิติบุคคลก่อน เป็นต้น
3. ความเข้มของฟิล์ม
ควรมีความรู้เกี่ยวกับความเข็มของฟิล์มซึ่งหาข้อมูลได้จากอินเทอร์เน็ต การมีความรู้หรือมีข้อมูลไว้บ้าง ทำให้การติดต่อสื่อสารกับช่างติดตั้งเข้าใจกันง่ายขึ้น เช่น
- ฟิล์มกรองแสงความเข้มที่ 40 % เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความโปร่งสบาย ไม่อึดอัด เช่น ห้องรับแขก ห้องทานข้าว หรือห้องชุดในคอนโดสูง ๆ
- ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 60 % เหมาะกับห้องที่มีแสงแดดส่องถึงในช่วงบ่าย เช่น ห้องที่อยู่ที่ทิศตะวันตก
- ฟิล์มติดกระจกบ้านความเข้ม 80 % เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือมีความมืดเช่น ห้องนอน
- ฟิล์มปรอทวันเวย์ ความเข้ม 80% เหมาะสำหรับ ห้องที่อยู่ชั้นล่างสุด ติดถนนหรือทางเดินที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
4. เช็กราคาติดตั้งฟิล์มติดกระจกบ้าน
การว่าจ้างบริษัทติดฟิล์มกระจกบ้าน อาคาร คอนโด สิ่งที่ต้องรู้หรือควรตรวจสอบข้อมูลก่อน ก็คือราคาติดตั้งฟิล์ม การติดฟิล์มบ้านส่วนใหญ่คำนวณราคาเป็นตารางฟุต แต่ละบริษัทเรทราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไข การตรวจเช็คราคาทำได้โดยตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์หรือเว็บเพจของบริษัทต่าง ๆ
5. รู้ข้อมูลบริษัทที่ตกลงว่าจ้าง
การติดฟิล์มอาคาร ต้องติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลบริษัทรับติดตั้ง เพื่อให้งานที่ได้มีคุณภาพ โดยพิจารณาและเลือกบริษัทที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
- เป็นบริษัทรับติดฟิล์มกระจกบ้านที่มีประสบการณ์ และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ดูได้จากผลงานการรีวิวในเว็บไซต์หรือติดไว้ภายในร้านหรือบริษัท
- มีใบรับประกันฟิล์มติดอาคารโดยเฉพาะ
- ใช้ฟิล์มติดกระจกบ้านที่มีคุณภาพ
- ไม่มีประวัติทั้งงาน ในส่วนนี้สามารถดูรีวิว ดูจำนวนผลงานและชื่อเสียงของลูกค้าที่ว่าจ้าง สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาพิจารณาประกอบได้

ติดฟิล์มอาคารแล้วดีอย่างไร?
- ช่วยลดความร้อนจากแสงแดด เพราะฟิล์มติดอาคารสามารถช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามาภายในอาคารได้ โดยฟิล์มกรองแสงแบบทึบจะช่วยลดความร้อนได้สูงที่สุด รองลงมาคือฟิล์มกรองแสงแบบสะท้อนแสง และฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิก
- ป้องกันรังสียูวี รังสีจากดวงอาทิตย์ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและทรัพย์สิน ฟิล์มติดอาคารสามารถช่วยป้องกันรังสียูวีได้ โดยฟิล์มกรองแสงบางรุ่นสามารถป้องกันรังสียูวีได้สูงถึง 99%
- เพิ่มความเป็นส่วนตัว โดยฟิล์มกรองแสงแบบสะท้อนแสงหรือฟิล์มกรองแสงแบบทึบสามารถช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับอาคาร ทำให้ภายนอกไม่สามารถมองเข้ามาภายในอาคารได้
- เพิ่มความปลอดภัย เนื่องจากฟิล์มติดอาคารสามารถช่วยยึดเศษกระจกไว้ไม่ให้กระเด็นกระจายหากกระจกแตก จึงช่วยลดอันตรายต่อผู้คนและทรัพย์สินภายในอาคารได้
- ประหยัดค่าไฟ เพราะฟิล์มติดอาคารมีคุณสมบัติในการลดความร้อนจากแสงแดดได้สูง โดยสามารถลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรดได้ถึง 99% ซึ่งรังสีอินฟราเรดเป็นรังสีความร้อนที่ทำให้เกิดความร้อนภายในอาคาร เมื่อติดตั้งฟิล์มติดอาคารจะช่วยป้องกันไม่ให้รังสีอินฟราเรดผ่านเข้ามาภายในอาคารได้ ความร้อนภายในอาคารจึงลดลง ส่งผลดีต่อการใช้เครื่องปรับอากาศ ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง และประหยัดค่าไฟลงได้นั่นเอง
- เพิ่มความสวยงามให้กับอาคาร ด้วยความที่ฟิล์มติดอาคารมีหลากหลายสีสันและลวดลายให้เลือก จึงสามารถเลือกติดฟิล์มอาคารให้เข้ากับสไตล์ของอาคารได้
ดังนั้นหากถามว่า “ติดฟิล์มอาคารแล้วดีอย่างไร?” ก็คงต้องตอบว่าการติดฟิล์มอาคารนั้นเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากสามารถช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ป้องกันรังสียูวี เพิ่มความเป็นส่วนตัว เพิ่มความปลอดภัย ช่วยให้ประหยัดค่าไฟ ทั้งยังเพิ่มความสวยงามให้กับอาคารได้อีก แต่ต้องไม่ลืมว่าการเลือกฟิล์มติดอาคารให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้งานจะช่วยให้ได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด
ฟิล์มติดอาคารมีกี่ประเภท แล้วควรเลือกแบบไหนดี?
การติดฟิล์มอาคารกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ป้องกันรังสียูวี อีกทั้งยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับอาคาร แถมมีหลากหลายประเภทให้ได้เลือกตามความเหมาะสมสำหรับการใช้งาน เพราะฟิล์มติดอาคารแต่ละประเภทต่างก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป
ฟิล์มติดอาคารสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ฟิล์มกรองแสงแบบทึบ (Opaque Film) ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้สูง แต่อาจทำให้ทัศนวิสัยภายในอาคารลดลง เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการลดความร้อนจากแสงแดดสูง เช่น อาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น
- ฟิล์มกรองแสงแบบสะท้อนแสง (Reflective Film) ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้สูงเช่นกัน แต่อาจทำให้แสงสะท้อนเข้าอาคารโดยรอบได้ จึงเหมาะกับอาคารที่ต้องการลดความร้อนจากแสงแดดสูง และต้องการความเป็นส่วนตัวสูงเช่นกัน แต่สามารถเลี่ยงแสงสะท้อนที่อาจส่งผลกระทบต่อบริเวณโดยรอบได้ อย่างเช่นอาคารสูง ๆ หรือบ้านพักอาศัยที่มีบริเวณเป็นสัดเป็นส่วน จำพวกบ้านเดี่ยวที่ไม่ได้อยู่ติดกันซ้าย-ขวา-หน้า-หลังแบบทาวน์เฮาส์ เป็นต้น
- ฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิก (Ceramic Film) ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้สูง และป้องกันรังสียูวีได้สูงเช่นกัน เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการลดความร้อนจากแสงแดดสูง ป้องกันรังสียูวี และต้องการทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม เช่น อาคารที่อยู่อาศัย สถานที่ราชการ พิพิธภัณฑ์ เป็นต้น
ติดฟิล์มอาคาร กี่เปอร์เซ็นดี? 40 60 80
ฟิล์มอาคารเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการลดแสงจ้า ลดความร้อน และป้องกันรังสียูวี ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้อาศัยภายในอาคาร การเลือกความเข้มของฟิล์มอาคารที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญ เพราะหากเลือกความเข้มที่มากเกินไปอาจทำให้ห้องมืดจนอึดอัด หรือหากเลือกความเข้มที่น้อยเกินไปอาจไม่สามารถลดความร้อนและแสงจ้าได้เท่าที่ควร
โดยทั่วไปแล้วความเข้มของฟิล์มอาคารจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 40% 60% และ 80% ซึ่งแต่ละระดับมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- ฟิล์มอาคารความเข้ม 40% มีคุณสมบัติในการลดแสงจ้าได้ดีพอสมควร แต่ไม่ช่วยในการลดความร้อนมากนัก เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องมากอย่างอาคารสำนักงาน
- ฟิล์มอาคารความเข้ม 60% เป็นระดับความเข้มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีคุณสมบัติในการลดแสงจ้าและความร้อนได้ดี เหมาะกับพวกอาคารพาณิชย์
- ฟิล์มอาคารความเข้ม 80% เป็นระดับความเข้มที่เข้มที่สุด มีคุณสมบัติในการลดแสงจ้าและความร้อนได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง เช่น ที่พักอาศัย หรือกับอาคารสูง ๆ ที่ต้องรับแสงแดดเต็ม ๆ ก็เหมาะเหมือนกัน
ดังนั้น การเลือกความเข้มของฟิล์มติดอาคารจึงควรพิจารณาจากความต้องการใช้งานเป็นหลัก หากต้องการแสงสว่างภายในอาคารมาก ควรเลือกฟิล์มติดอาคารความเข้ม 40% แต่หากต้องการลดความร้อนภายในอาคารลง ก็ควรจัดเต็มที่ฟิล์มติดอาคารความเข้ม 80%
นอกจากนี้ การเลือกความเข้มของฟิล์มติดอาคารยังควรพิจารณาจากปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้
- ทิศทางการรับแสงของอาคาร หากอาคารตั้งอยู่ในทิศที่รับแสงแดดโดยตรง ควรเลือกฟิล์มติดอาคารความเข้มสูง เพื่อให้ลดความร้อนของอาคารได้มากขึ้น
- ขนาดของกระจก หากกระจกมีขนาดใหญ่ ควรเลือกฟิล์มติดอาคารความเข้มสูง เพื่อให้ฟิล์มมีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น
แต่ถ้าจะให้ชัวร์ หากต้องการเลือกความเข้มของฟิล์มอาคารที่เหมาะสมที่สุด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งฟิล์มอาคาร เพื่อให้ได้ฟิล์มที่ตอบโจทย์การใช้งานและคุ้มค่ากับการลงทุน

การเลือกฟิล์มติดอาคาร ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ความต้องการใช้งาน ต้องการฟิล์มติดอาคารเพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น เน้นลดความร้อนจากแสงแดด ป้องกันรังสียูวี หรือเพิ่มความเป็นส่วนตัว เป็นต้น
- งบประมาณ มีงบประมาณในการติดฟิล์มอาคารเท่าไร
- ลักษณะของอาคาร อาคารมีทิศทางการรับแสงอย่างไร และมีขนาดกระจกเท่าไร เป็นต้น
ตัวอย่างการเลือกฟิล์มติดอาคาร
- อาคารสำนักงานที่ต้องการลดความร้อนจากแสงแดดสูง ควรเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงแบบทึบ หรือฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิก
- อาคารโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการลดความร้อนจากแสงแดดสูง โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงทัศนวิสัย สามารถเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงแบบทึบได้
- อาคารสูงที่มีความต้องการลดความร้อนจากแสงแดดสูง และต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ควรเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงแบบสะท้อนแสง
- บ้านพักอาศัยที่ต้องการลดความร้อนจากแสงแดดสูง ป้องกันรังสียูวี และต้องการทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม ควรเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิก
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการติดฟิล์มกระจกบ้าน
A : จริง ฟิล์มกระจกบ้านช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้ โดยสามารถลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรดได้ถึง 99% ซึ่งรังสีอินฟราเรดเป็นรังสีที่ทำให้เกิดความร้อนภายในบ้าน เมื่อติดตั้งฟิล์มกระจกบ้านจะช่วยป้องกันไม่ให้รังสีอินฟราเรดผ่านเข้ามาภายในบ้านได้ ทำให้ความร้อนภายในบ้านลดลง
A : จริง การติดฟิล์มกระจกบ้านช่วยประหยัดค่าไฟได้ โดยฟิล์มกระจกบ้านความเข้ม 60% สามารถช่วยลดค่าไฟได้ประมาณ 20-30% ขึ้นอยู่กับทิศทางการรับแสงของบ้านและขนาดของกระจก
A : จริง ฟิล์มกระจกบ้านสามารถป้องกันรังสียูวีได้สูงถึง 99% ซึ่งรังสียูวีเป็นรังสีจากดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังและดวงตา การติดฟิล์มกระจกบ้านจะช่วยป้องกันรังสียูวีไม่ให้ผ่านเข้ามาภายในบ้าน จึงช่วยปกป้องผิวหนังและดวงตาจากอันตรายของรังสียูวีได้
A : จริง ฟิล์มกระจกบ้านบางประเภทสามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับบ้านได้ เช่น ฟิล์มกรองแสงแบบสะท้อนแสง, ฟิล์มกรองแสงแบบปรอท ซึ่งจะทำให้ภายนอกมองเข้ามาภายในบ้านได้ยากขึ้น
A : การติดฟิล์มกระจกบ้านมีข้อดีหลายประการ ทั้งช่วยในการลดแสงจ้า ทำให้การมองภายในบ้านสบายตาขึ้น, ช่วยลดความร้อน ทำให้บ้านเย็นขึ้นและประหยัดพลังงาน, ช่วยป้องกันรังสียูวี ปกป้องเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ภายในบ้านไม่ให้เสียหาย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย ป้องกันการแตกกระจายของกระจกเมื่อเกิดอุบัติเหตุด้วย
A : ความเข้มของฟิล์มกระจกบ้านจะส่งผลต่อระดับความสว่างภายในบ้าน โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ 40% เหมาะกับบ้านที่ต้องการให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้มาก, 60% เป็นระดับความเข้มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และ 80% เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
A : ความเข้มของฟิล์มกระจกบ้านจะส่งผลต่อความสว่างของห้อง โดยฟิล์มที่มีความเข้มสูงจะทำให้ห้องมืดลงมากกว่าฟิล์มที่มีความเข้มต่ำ ดังนั้น หากต้องการติดฟิล์มกระจกบ้านโดยไม่ทำให้ห้องมืดลง ควรเลือกฟิล์มที่มีความเข้มต่ำ หรือเลือกฟิล์มที่มีเทคโนโลยีช่วยเพิ่มความสว่างให้กับห้อง เช่น ฟิล์มใสกันร้อน
A : การติดตั้งฟิล์มกระจกบ้านด้วยตนเองสามารถทำได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง หากไม่ชำนาญอาจทำให้ฟิล์มเกิดฟองอากาศหรือหลุดร่อนได้ ดังนั้น หากต้องการติดฟิล์มกระจกบ้านอย่างถูกต้องและสวยงาม ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ติดตั้ง
A : ได้ ฟิล์มกระจกบ้านสามารถลอกออกได้ แต่อาจทำให้กระจกเสียหายได้ แนะนำให้ปรึกษาช่างติดตั้งก่อนลอกฟิล์มกระจกบ้านออก